ระดับปฐมวัย (หลักสูตรปีพุทธศักราช 2546 เด็กอายุ 3-6 ปี)
เป็นการจัดในลักษณะของการอบรมเลี้ยงดู และการให้การศึกษาแก่เด็กทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาตามวัยและความสามารถของแต่ละบุคคลเพื่อเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข
หลักการ
1. เป็นการศึกษาให้ครอบคลุมเด็ก ที่มีอายุระหว่าง 3-6 ปี
2. เป็นการพัฒนาเด็กโดยยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษา
3. เป็นการพัฒนาเด็กโดยองค์รวม ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาผ่านกิจกรรมการเล่นที่เหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะ และความแตกต่างระหว่างบุคคล
4. เป็นการจัดประสบการณ์ที่ให้เด็กสามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพ และมีความสุข
5. เป็นการพัฒนาเด็กโดยให้ครอบครัว และชุมชนมีส่วนร่วม
จุดมุ่งหมาย
เพื่อให้เด็กอายุ 3-6 ปี มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และคุณลักษณะตามวัยดังต่อไปนี้
1. มีสุขภาพดี เจริญเติบโตตามวัย และพฤติกรรมอนามัยที่เหมาะสม
2. ใช้กล้ามเนื้อใหญ่กล้ามเนื้อเล็กได้อย่างคล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์กัน
3. ร่าเริง แจ่มใส และความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น
4. มีคุณธรรม และจริยธรรม มีวินัยในตนเองและความรับผิดชอบ
5. ช่วยเหลือตนเองได้เหมาะสมกับสภาพ และวัย
6. อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและเป็นสมาชิกที่ดีต่อสังคมในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์เป็นประมุข
7. รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมในท้องถิ่น และความเป็นไทย
8. ใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย
9. มีความสามารถในการคิด การแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับวัย และมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ
10. มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
และเพื่อให้การจัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ทางโรงเรียนสุขฤทัย ชลบุรี จึงจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับนโยบายจัดการศึกษาตามแนวข้อกำหนดของชาติเป็นสำคัญ โดยเน้นการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการผู้เรียนทั้ง 4 ด้าน คือ ร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ สังคม และสติปัญญาควบคู่กันไป โดยเน้นการจัดกิจกรรมตามความสนใจของเด็ก และความพร้อมที่เป็นไปตามวัย ซึ่งกิจกรรมที่เน้นแบ่งเป็น 6 หลักสำคัญ คือ
1. กิจกรรมเคลื่อนไหว
2. กิจกรรมสร้างเสริมประสบการณ์
3. กิจกรรมกลางแจ้ง
4. กิจกรรมสร้างสรรค์
5. กิจกรรมเสรี
6. กิจกรรมเกมการศึกษา
แนวทางจัดประสบการณ์
1. ส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านของเด็กโดยองค์รวมอย่างต่อเนื่อง
2. จัดให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก
3. ยึดเด็กเป็นศูนย์กลางสนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคล และเปิดโอกาสให้เด็กริเริ่มกิจกรรมของตนเอง โดยครูเป็นผู้สนับสนุนอำนวยความสะดวก และเรียนรู้ร่วมกับเด็ก
4. จัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และมีบรรยากาศที่อบอุ่น เพื่อให้เด็กมีความสุข
5. จัดกิจกรรมในรูปแบบบูรณาการ โดยคำนึงถึงพัฒนาการทุกด้าน
6. จัดประสบการณ์ตรงให้เด็กเรียนรู้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 มีโอกาสสังเกต สำรวจ เล่น ค้นคว้า ทดลองแก้ปัญหาด้วยตนเอง
7. จัดให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์ระหว่าง เด็กกับวัตถุสิ่งของ เด็กกับเด็ก และ เด็กกับผู้ใหญ่
8. จัดให้มีความสมดุล มีทั้งกิจกรรมให้เด็กริเริ่ม และ ครูริเริ่ม กิจกรรมในห้องเรียน และนอกห้องเรียนกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวและสงบ
9. จัดให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการเล่น ที่หลากหลายทั้งรายบุคคล กลุ่มย่อย และกลุ่มใหญ่
10. จัดให้เด็กได้รับการพัฒนาโดยให้ความสำคัญกับกระบวนการมากกว่าผลผลิต
11. จัดให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม วัฒนธรรมท้องถิ่น และเอื้อต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
12. จัดกิจกรรมให้เด็กมีจิตสำนึกในการรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อส่วนรวม รักธรรมชาติ และรักท้องถิ่น
13. จัดให้เด็กมีส่วนร่วมในการวางแผน ลงมือปฏิบัติ และบอกผลการปฏิบัติกิจกรรมของตนเอง และผู้อื่นได้
14. จัดการประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอย่างต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของการจัดประสบการณ์
15. เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก
กิจกรรมประจำวัน
การจัดประสบการณ์สำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี จะไม่จัดเป็นรายวิชา แต่จัดในรูปของกิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่นเพื่อให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง เกิดจากการเรียนรู้ได้พัฒนาทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา การเลือกกิจกรรมที่นำมาจัดในแต่ละวันจึงต้องครอบคลุมสิ่งต่อไปนี้คือ
1 การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่
เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใหญ่ การเคลื่อนไหว และความคล่องแคล่วในการใช้อวัยวะต่างๆ จึงควรจัดกิจกรรมโดยให้เด็กได้เล่นอย่างอิสระกลางแจ้ง เล่นเครื่องเล่นสนาม เคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะดนตรี ฯลฯ
2 การพัฒนากล้ามเนื้อเล็ก
เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเล็ก การประสานสัมพันธ์ระหว่างมือ และตา จึงจัดกิจกรรมโดยให้เด็กได้เล่นเครื่องเล่นสัมผัส เล่นเกมส์ต่อภาพ ฝึกช่วยตนเองในการแต่งกาย หยิบจับช้อนส้อม ใช้อุปกรณ์ศิลปะ เช่น สีเทียน กรรไกร พู่กัน ดินเหนียว ฯลฯ
3 การส่งเสริมสร้างสรรค์
เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ได้ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก และเห็นความสวยงามของสิ่งต่างๆ รอบตัว อาจจัดกิจกรรมโดยใช้ศิลปะเป็นสื่อ ใช้การเคลื่อนไหว และจังหวะตามจินตนาการ ให้ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ อย่างอิสระตามความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของเด็ก เล่นบทบาทสมมติในมุมเล่นต่างๆ เล่นน้ำ เล่นทราย เล่นไม้บล็อกฯลฯ
4 การพัฒนาการคิด
เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความคิดรวบยอด สังเกต จำแนก เปรียบเทียบ จัดหมวดหมู่ เรียงลำดับเหตุการณ์ แก้ปัญหา จึงจัดกิจกรรมให้เด็กได้สนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เชิญวิทยากรจากภายนอกมาพูดคุยกับเด็ก ค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทดลอง ทัศน์ศึกษา ประกอบอาหาร หรือจัดให้เด็กได้เล่นเกมส์การศึกษาที่เหมาะสมกับวัยอย่างหลากหลาย ฝึกการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันและในการทำกิจกรรมทั้งที่เป็นกลุ่มย่อย กลุ่มใหญ่ หรือรายบุคคล
5 การส่งเสริมให้เด็กได้เลือกและตัดสินใจ
เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกเล่น หรือทำกิจกรรมอย่างเสรีตามความสนใจ และความต้องการของตนเอง จึงจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นตามมุมประสบการณ์ หรือศูนย์การเรียนต่างๆ ทั้งภายใน และภายนอกห้องเรียน
6 จัดการประเมินอย่างเป็นระบบ
มีการวางแผนการเลือกใช้เครื่องมือและการจดบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนี้ โรงเรียนสุขฤทัย ยังจัดกิจกรรมเสริมพิเศษ อาทิ คอมพิวเตอร์ ดนตรี ว่ายน้ำ นาฎศิลป์ ให้นักเรียนระดับก่อนประถมศึกษา โดยบรรจุอยู่ในหลักสูตรและตารางสอนประจำสัปดาห์ ทั้งนี้ทางโรงเรียนสุขฤทัย ได้จัดการเรียนการสอนเป็น 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรสามัญ และหลักสูตรที่เพิ่มภาษาอังกฤษและภาษาจีนเป็นสื่อการสอน ซึ่งทั้งสองหลักสูตรมีกิจกรรมการเรียนการสอนที่เหมือนกัน คือ ผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในด้านต่าง ๆ ยกเว้นหลักสูตรเพิ่มภาษาอังกฤษภาษาจีนเป็นสื่อการสอน จะเน้นการสอนโดยใช้ครูเจ้าของภาษาเป็นหลักและเพิ่มจำนวนเวลาเรียนภาษาจีนเพื่อการพูด โดยเปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล 1 และ อนุบาล 3
การพัฒนาหลักสูตรระดับปฐมวัย โรงเรียนสุขฤทัย ชลบุรี
โรงเรียนสุขฤทัย ชลบุรี จัดหลักสูตรการเรียนการสอนระดับปฐมวัย โดยมุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้แนวบูรณาการเป็นหน่วยการเรียนให้เหมาะสมกับสภาพของชุมชน และเหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ซึ่งการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จะเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Child-Centered)ตามหลักการทำงานของสมอง โดยมีขั้นตอนในการพัฒนาหลักสูตรระดับปฐมวัยของ โรงเรียนสุขฤทัย ชลบุรี ดังต่อไปนี้
1. ศึกษาพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติปี พ.ศ. 2542
2. ศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตรระดับปฐมวัยปี พ.ศ. 2546
3. สำรวจความต้องการ และความพึงพอใจในการจัดการศึกษาของผู้ปกครองและชุมชน
4. นำปรัชญาของโรงเรียนมาสอดแทรกด้านวิชาการ ด้านคุณธรรม จริยธรรม
5. จัดทำปฏิทินกำหนดการสอนตลอดปีการศึกษาเป็น 2 ภาคเรียน
6. จัดทำแผนการสอนแบบบูรณาการ โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญในการจัดการเรียนการสอน
7. มีการวิเคราะห์แผนการสอนก่อนทุกครั้ง
8. ปฏิบัติการสอนแล้วบันทึกพฤติกรรมนักเรียนและผลที่ได้จากการจัดกิจกรรมทุกครั้ง
9. มีการนิเทศการสอนโดยครูหัวหน้างานปฐมวัย
10. มีการประเมินผล แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ ประเมินผลสังเกตการทำกิจกรรมระหว่างเรียน, ประเมินผลโดยการใช้แบบประเมินรายงานพัฒนาภาคเรียนละ 2 ครั้ง
11. เก็บสะสมผลการเรียนในรูปแบบของคะแนน เปอร์เซ็นต์ ระดับผลการเรียน (เกรด) และไม่มีการจัดลำดับที่
แนวการจัดการเรียนการสอนระดับปฐมวัย
การจัดการศึกษาระดับปฐมวัย โรงเรียนได้จัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ (Integrated Instruction) หมายถึง การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงศาสตร์และศิลป์ รวมทั้งเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันมาผสานเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดความรู้และความหมายหลากหลาย และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจำวัน การเรียนการสอนจะเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการวางแผนการเรียนรู้ ตรงกับความต้องการ ความสนใจ และความถนัดของตนเองมีโอกาสแสดงออกอย่างอิสระแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น การทำงานเป็นกลุ่มโดยการใช้สิ่งต่าง ๆจากสภาพแวดล้อมจริง เป็นกระบวนการคิดอย่างสร้างสรรค์ ส่งเสริมให้นักเรียนมีความฉลาดทางอารมณ์ (E.Q) เพื่อพัฒนาให้นักเรียนเป็นคนดี คนเก่ง มีความสุขตามสภาพความเป็นอยู่ รักและภูมิใจในความเป็นไทย ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายการจัดการศึกษาของชาติเป็นสำคัญ โรงเรียนสุขฤทัยจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 โดยยึดความสำคัญสูงสุดในกระบวนการปฏิรูปการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มศักยภาพ สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองมีพัฒนาการ ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์จิตใจ ด้านสังคมและด้านสติปัญญา และรู้จักแสวงหาความรู้ได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต โดยมีการจัดระบบการเรียนรู้ดังนี้
1. จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของผู้เรียน
2. ฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ
3. จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้รู้จากประสบการณ์จริงโดยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5
4. มีการคิดวิเคราะห์ด้านเหตุผล และการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ตามวัย
5. จัดกิจกรรมการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆอย่างได้สัดส่วนที่สมดุลกัน
6. ฝึกการเป็นผู้นำ ผู้ตาม การทำงานเป็นกลุ่ม
7. จัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการสอน อำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
8. จัดการเรียนให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่โดยใช้แนวการเรียนรู้แบบพหุปัญญาสอดแทรกในกิจกรรมทุกหน่วยการเรียน
9. คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลเพื่อพัฒนาการผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ
10. เสริมการเรียนรู้ด้วยภาษาอังกฤษและภาษาจีน
11. จัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษและภาษาจีน โดยครูต่างชาติเจ้าของภาษา
12. สำหรับหลักสูตรที่เพิ่มภาษาอังกฤษและภาษาจีนเป็นสื่อการสอน ทางโรงเรียนจัดการเรียนการสอน คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ50: 30:20 ระหว่างภาษาไทย ต่อภาษาอังกฤษ ต่อ ภาษาจีน ควบคู่กันไป
การวัดผล
1 การบ้านประจำวัน
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อทบทวน และฝึกหัดความรับผิดชอบ
2 การสังเกตพฤติกรรม การเรียนรู้ตามหน่วยการเรียน
เพื่อสังเกตพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน คือ ร่างกาย อารมณ์ สังคม จิตใจ และสติปัญญา
3 การวัดผลด้านความรู้
ความเข้าใจตามหน่วยการเรียนรู้
การประเมินผล
1 การตรวจการบ้านประจำวัน
คุณครูจะตรวจการบ้านเพื่อดูความเข้าใจและความตั้งใจในการทำการบ้าน พร้อมอธิบายเพิ่มเติมในจุดที่นักเรียนไม่เข้าใจ
2 ประเมินพัฒนาการ
โดยใช้ระดับคุณภาพจากการสังเกตพฤติกรรม คุณครูจะจดบันทึกพัฒนาการนักเรียน โดยเป็นการบรรยายพฤติกรรมการแสดงออกของนักเรียน
3 การทดสอบ
คุณครูจะมีแบบเตรียมความพร้อมตามรายวิชา (คณิตศาสตร์ ภาษาไทย อังกฤษ เชาวน์) โดยประเมินผลออกมาเป็นเกรด (4 3 2 1) โดยแบ่งเป็นพุทธิพิสัยร้อยละ 30 และจิตพิสัยร้อยละ 70 การประเมินผลปลายภาค หรือปลายปี ประเมินเก็บสะสมเช่นเดียวกับการประเมินระหว่างเรียน โดยเก็บสะสมในรูปของคะแนน แบ่งสัดส่วนคะแนนสะสม และคะแนนทดสอบในอัตราสวน 70:30 จากนั้นจึงนำคะแนนทั้งสองมารวมกันเป็น 100 คะแนน
การประเมินผลกลางภาคและปลายภาค
จัดดำเนินการในแบบเดียวกันจากนั้นนำคะแนนของแต่ละวิชามารวมแล้วคิดเป็นคะแนน ร้อยละ (จะไม่มีการจัดลำดับที่ในการสอบแต่ละครั้ง เพื่อเน้นศักยภาพของนักเรียนรายบุคคล มิใช่เป็นการเปรียบเทียบ)